พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย : รัตนะปฏิมาแห่งพระที่นั่งอัมพรสถานฯ
พระพุทธรูปองค์นี้ สันนิษฐานว่า คือ "พระแก้วขาว" ซึ่งปรากฏเรื่องราวในพงศาวดารโยนก ความว่า พระอรหันต์ได้แก้วขาวมาจากจันทรเทวบุตร จึงขอให้พระวิษณุกรรมแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แล้วบรรจุพระบรมธาตุ 4 องค์ไว้ที่พระเมาลี พระนลาฏ พระอุระ และพระโอษฐ์ พระแก้วขาวนี้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองละโว้ จนกระทั่งพระนางจามเทวีอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองหริภุญไชย ในปี พ.ศ. 2011 พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ ได้อัญเชิญจากเมืองหริภุญไชยไปเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานคู่กับพระแก้วมรกตเป็นเวลา 84 ปี
จากนั้นในปี พ.ศ. 2093 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงอัญเชิญพระแก้วขาว และพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ ไปประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบาง และเมื่อย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางไปตั้งที่เวียงจันทน์ในปี พ.ศ. 2107 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้อัญเชิญพระแก้วขาวไปพร้อมกับพระแก้วมรกตด้วย สันนิษฐานว่าคงเคลื่อนย้ายไปซ่อนไว้ ณ ถ้ำเขาส้มป่อย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดให้ข้าหลวงไปปลงศพเจ้าพระวิไชยราชขัตติยวงศา (เจ้าหน้า - เป็นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ลำดับที่ 3) ที่เมืองนครจำปาศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2354 ข้าหลวงได้เห็นพระแก้วผลึกสีขาว จึงมีใบบอกให้นำความกราบบังคมทูลถวายพระแก้วผลึก โดยตั้งขบวนแห่ตั้งแต่เมืองสระบุรี และมีการสมโภชตามหัวเมืองรายทางตลอดมาจนถึงกรุงเทพฯ เมื่อเสร็จงานสมโภชที่ กรุงเทพฯ แล้ว โปรดให้ประชุมช่างจัดหาเนื้อแก้วผลึกเหมือนองค์พระ เพื่อเจียระไนแก้วติดปลายพระกรรณขวาที่แตกชำรุดให้สมบูรณ์ และขัดชำระองค์พระให้เป็นเงางามเสมอกัน กับพระราชทานพระราชดำริ ให้ช่างปั้นฐานต่อองค์พระตามที่พอพระราชหฤทัย แล้วหล่อด้วยทองสำริดแต่งให้เกลี้ยงหุ้มด้วยทองคำ ส่วนยอดพระรัศมีรับสั่งให้ช่างแผ่ทองคำหุ้มส่วนพระเศียร ดุนเป็นเม็ดพระศกต้องตามแบบแผนของพระพุทธรูป ต่อกับพระรัศมีลงยาราชาวดีประดับเพชร ใจกลางหน้าหลังและกลีบต้นพระรัศมี แต่เมื่อถวายสวมเครื่องทองส่วนยอดพระรัศมีแล้ว สีพระพักตร์ไม่ผ่องใสเหมือนสีองค์พระ จึงแก้ไขด้วยการเอาเนื้อเงินไล่ขาวบริสุทธิ์แผ่หุ้มก่อนชั้นหนึ่ง ขัดเงินให้เกลี้ยงเป็นเงางามแล้วจึงสวมพระศกทองคำบนแผ่นเงิน ทำให้พระพักตร์ใสสะอาดขาวนวลเสมอกับพระองค์ แล้วรับสั่งให้ทำพระสุวรรณกรัณฑ์น้อย สอดในช่องบนพระจุฬาธาตุเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ และนำทองคำลงราชาวดีขาวดำผังแนบพระเนตรให้งดงาม ทำฉัตรทองคำ 5 ชั้น ชั้นต้นเท่าส่วนพระอังสาลงยาราชาวดีประดับพลอย มีใบโพธิ์แก้วห้อยเป็นเครื่องประดับ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในหอพระเจ้า (หอพระสุราลัยพิมาน) ด้านตะวันออกของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ : (https://www.facebook.com/groups/1430536690609179/permalink/1957290804600429/)
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพระเบญจาตั้งบุษบกสูง เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้ว ในการพระราชพิธีใหญ่ต่างๆ โปรดให้อัญเชิญพระแก้วผลึกสีขาวตั้งเป็นประธานในพิธีแทนพระแก้วมรกต
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2404 โปรดให้ช่างทำเครื่องประดับองค์พระและฐานพระพุทธรูปใหม่ พร้อมทั้งฉัตรกลางและซ้าย ขวา แล้วตั้งการฉลองสมโภชในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2404 และถวายพระนามพระแก้วผลึกนี้ว่า “พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย” กับทั้งโปรดให้สร้างพระวิหารศิลาในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐาน พระราชทานชื่อว่า “พระพุทธรัตนสถาน”
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวชในปี พ.ศ. 2416 นั้น โปรดให้ผูกพัทธสีมาพระวิหารพระพุทธรัตนสถาน เป็นพระอุโบสถเพื่อทำสังฆกรรม หลังจากนั้นพระพุทธรัตนสถานก็เป็นสถานที่ทำพุทธบูชาของฝ่ายใน และเมื่อทรงสร้างพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตแล้ว โปรดให้อัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ ไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้วจึงอัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ กลับไปประดิษฐาน ณ พระพุทธรัตนสถานตามเดิม
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้อัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ กลับไปประดิษฐาน ณ หอพระ พระที่นั่งอัมพรสถานสืบมาจนทุกวันนี้
ข้อมูล : วิกิพีเดีย
ภาพ : หนังสือพระพุทธปฏิมาในพระมหาราชวัง
พระพุทธรูปองค์นี้ สันนิษฐานว่า คือ "พระแก้วขาว" ซึ่งปรากฏเรื่องราวในพงศาวดารโยนก ความว่า พระอรหันต์ได้แก้วขาวมาจากจันทรเทวบุตร จึงขอให้พระวิษณุกรรมแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แล้วบรรจุพระบรมธาตุ 4 องค์ไว้ที่พระเมาลี พระนลาฏ พระอุระ และพระโอษฐ์ พระแก้วขาวนี้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองละโว้ จนกระทั่งพระนางจามเทวีอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองหริภุญไชย ในปี พ.ศ. 2011 พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ ได้อัญเชิญจากเมืองหริภุญไชยไปเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานคู่กับพระแก้วมรกตเป็นเวลา 84 ปี
จากนั้นในปี พ.ศ. 2093 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงอัญเชิญพระแก้วขาว และพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ ไปประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบาง และเมื่อย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางไปตั้งที่เวียงจันทน์ในปี พ.ศ. 2107 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้อัญเชิญพระแก้วขาวไปพร้อมกับพระแก้วมรกตด้วย สันนิษฐานว่าคงเคลื่อนย้ายไปซ่อนไว้ ณ ถ้ำเขาส้มป่อย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดให้ข้าหลวงไปปลงศพเจ้าพระวิไชยราชขัตติยวงศา (เจ้าหน้า - เป็นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ลำดับที่ 3) ที่เมืองนครจำปาศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2354 ข้าหลวงได้เห็นพระแก้วผลึกสีขาว จึงมีใบบอกให้นำความกราบบังคมทูลถวายพระแก้วผลึก โดยตั้งขบวนแห่ตั้งแต่เมืองสระบุรี และมีการสมโภชตามหัวเมืองรายทางตลอดมาจนถึงกรุงเทพฯ เมื่อเสร็จงานสมโภชที่ กรุงเทพฯ แล้ว โปรดให้ประชุมช่างจัดหาเนื้อแก้วผลึกเหมือนองค์พระ เพื่อเจียระไนแก้วติดปลายพระกรรณขวาที่แตกชำรุดให้สมบูรณ์ และขัดชำระองค์พระให้เป็นเงางามเสมอกัน กับพระราชทานพระราชดำริ ให้ช่างปั้นฐานต่อองค์พระตามที่พอพระราชหฤทัย แล้วหล่อด้วยทองสำริดแต่งให้เกลี้ยงหุ้มด้วยทองคำ ส่วนยอดพระรัศมีรับสั่งให้ช่างแผ่ทองคำหุ้มส่วนพระเศียร ดุนเป็นเม็ดพระศกต้องตามแบบแผนของพระพุทธรูป ต่อกับพระรัศมีลงยาราชาวดีประดับเพชร ใจกลางหน้าหลังและกลีบต้นพระรัศมี แต่เมื่อถวายสวมเครื่องทองส่วนยอดพระรัศมีแล้ว สีพระพักตร์ไม่ผ่องใสเหมือนสีองค์พระ จึงแก้ไขด้วยการเอาเนื้อเงินไล่ขาวบริสุทธิ์แผ่หุ้มก่อนชั้นหนึ่ง ขัดเงินให้เกลี้ยงเป็นเงางามแล้วจึงสวมพระศกทองคำบนแผ่นเงิน ทำให้พระพักตร์ใสสะอาดขาวนวลเสมอกับพระองค์ แล้วรับสั่งให้ทำพระสุวรรณกรัณฑ์น้อย สอดในช่องบนพระจุฬาธาตุเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ และนำทองคำลงราชาวดีขาวดำผังแนบพระเนตรให้งดงาม ทำฉัตรทองคำ 5 ชั้น ชั้นต้นเท่าส่วนพระอังสาลงยาราชาวดีประดับพลอย มีใบโพธิ์แก้วห้อยเป็นเครื่องประดับ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในหอพระเจ้า (หอพระสุราลัยพิมาน) ด้านตะวันออกของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ : (https://www.facebook.com/groups/1430536690609179/permalink/1957290804600429/)
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพระเบญจาตั้งบุษบกสูง เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้ว ในการพระราชพิธีใหญ่ต่างๆ โปรดให้อัญเชิญพระแก้วผลึกสีขาวตั้งเป็นประธานในพิธีแทนพระแก้วมรกต
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2404 โปรดให้ช่างทำเครื่องประดับองค์พระและฐานพระพุทธรูปใหม่ พร้อมทั้งฉัตรกลางและซ้าย ขวา แล้วตั้งการฉลองสมโภชในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2404 และถวายพระนามพระแก้วผลึกนี้ว่า “พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย” กับทั้งโปรดให้สร้างพระวิหารศิลาในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐาน พระราชทานชื่อว่า “พระพุทธรัตนสถาน”
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวชในปี พ.ศ. 2416 นั้น โปรดให้ผูกพัทธสีมาพระวิหารพระพุทธรัตนสถาน เป็นพระอุโบสถเพื่อทำสังฆกรรม หลังจากนั้นพระพุทธรัตนสถานก็เป็นสถานที่ทำพุทธบูชาของฝ่ายใน และเมื่อทรงสร้างพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตแล้ว โปรดให้อัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ ไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้วจึงอัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ กลับไปประดิษฐาน ณ พระพุทธรัตนสถานตามเดิม
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้อัญเชิญพระพุทธบุษยรัตนฯ กลับไปประดิษฐาน ณ หอพระ พระที่นั่งอัมพรสถานสืบมาจนทุกวันนี้
ข้อมูล : วิกิพีเดีย
ภาพ : หนังสือพระพุทธปฏิมาในพระมหาราชวัง
No comments:
Post a Comment